1. ถ้าเป็นกริยาหลักในประโยคจะแปลว่า “มี หรือ กิน” Has จะใช้กับประธานเอกพจน์ Have จะใช้กับประธานพหูพจน์ เช่น I’m having dinner with my old friends. She has two luxury cars. ในกรณีที่ have has เป็นกริยาหลักแล้วต้องการทำเป็นรูปปฏิเสธหรือคำถาม ให้ใช้กริยาช่วย verb to do เข้ามาช่วยนะคะ ห้ามใส่ not หลัง have / has ไปเลย เพราะhave has ในที่นี้เป็นกริยาหลักไม่ใช่กริยาช่วยนะคะ เช่น She doesn’t have much money. I don’t have any pens. Do you have a car? ** ถ้าประธานเป็นเอกพจน์แล้วใช้ has เมื่อเติม doesn’t เข้าไปจะต้องเปลี่ยน has กลับมาเป็น have เหมือนเดิม 2. เป็นกริยาช่วยใน perfect tense คือโครงสร้าง have/has/had + V3 เช่น She has helped me for two hours. I had locked the door before I left the room. They have waited for you for three hours. ถ้าต้องการทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามให้เติม not หลัง verb to have ได้เลยเพราะเป็นกริยาช่วยในประโยค เช่น They haven’t waited for you for three hours. I hadn’t locked the door before I left the room. 3. have/had + to จะหมายถึง “จำเป็นต้อง” เช่น She has to finish the report by four o’clock. They have to follow the rules. 4. ใช้ในประโยค causative form ตามโครงสร้างนี้คือ have someone do something (ในความหมายว่าให้ใครทำอะไรให้โดยบอกผู้กระทำ) The teacher has her students clean the room. คุณครูให้นักเรียนทำความสะอาดห้อง have something done (ในความหมายว่าให้ใครทำอะไรให้โดยไม่บอกตัวผู้กระทำ I had my hair cut. ฉันไปตัดผมมา (ให้ช่างตัดผม) 5. ในสำนวนที่มีการใช้ verb to have ตามหลังด้วยคำกริยาแล้วมี a นำหน้าคำกริยาตัวนั้นจะมีผลทำให้กริยาตัวนั้นเป็นคำนาม แปลความหมายโดยยึดกริยาข้างหลัง เช่นMy grandfather has a walk every morning.คุณปู่ออกไปเดินทุกเช้า I and my friends had a swim in the pool yesterday. ฉันและเพื่อนๆไปว่ายน้ำที่สระเมื่อวานนี้ I want to have a rest. ฉันต้องการพักผ่อน
Verb to do มี 3 ตัวคือ do, does, did ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งกริยาหลักและกริยาช่วยในประโยค verb to do สามารถนำไปใช้ได้ดังนี้ค่ะ
1. ใช้เป็นกริยาหลักของประโยคจะแปลว่า “ทำ” เช่น
They do homework before going to bed.
She does the housework alone.
I think I did the best thing for us.
2. เป็นกริยาช่วยของประโยค present simple tense และ past simple tense เพื่อทำให้เป็นประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม ที่ต้องอาศัย verb to do เข้ามาช่วย เพราะในประโยคบอกเล่าไม่มีกริยาช่วยตัวอื่นเลย วิธีการทำเป็นประโยคปฏิเสธก็ง่ายแสนง่ายคือ เอา not ไปเติม หลัง verb to do แล้ววางไว้หน้ากริยาหลักก็จะทำให้ประโยคกลายเป็นปฏิเสธได้ เช่น
She doesn’t want to quit the job.
I didn’t do homework, so I was punished.
แต่ถ้าต้องการทำเป็นประโยคำถามก็ให้เอา verb to do ไปวางไว้หน้าประโยค ในกรณีที่เป็นประโยคคำถามแบบ yes/no question เช่น
Did you go to Malaysia last month?
Do you like sausages?
Does she do exercise every day?
** เวลาตอบก็ง่ายแสนง่ายอีกเช่นกัน เช่นถ้าถามว่า
A: Do you like sausages?
B: Yes, I do. / No, I don’t.
A: Does she do exercise every day?
B: Yes, she does. / No, she doesn’t.
แต่ถ้าเป็นประโยคคำถามแบบ Wh-question ให้วางไว้หลัง Wh-question words เช่น
What does she read?
What did she eat last night?
3. ใช้ do, does, did วางไว้หน้าคำกริยาเพื่อแสดงการเน้นว่าต้องทำเช่นนั้นจริงๆหรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆเช่น